วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554
Central Venous Pressure Monitoring : การพยาบาล
การพยาบาลขณะใส่สาย
1. จับแขนผู้ป่วยหรืออาจต้องจับมัดไว้ในรายที่ไม่ให้ความร่วมมือ
2. ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สุขสบาย เจ็บ พยาบาลต้องคอยให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยตลอดเวลา
3. จดบันทึกตำแหน่งการใส่สาย ความยาวของสายภายหลังการใส่สายเรียบร้อยแล้ว
4. สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงและบันทึกสัญญาณชีพเป็นระยะ ตลอดจนสังเกตุภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การพยาบาลผู้ป่วยหลังใส่สาย
1. จัดสภาพผู้ป่วยให้นอนพักในท่าที่สบาย
2. บันทึกสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง จนอาการคงที่และสังเกตอาการเหนื่อยหอบหายใจเร็วขึ้น กระสับกระส่าย O2 sat ลดลง แน่นหน้าอกหรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ถ้ามีอาการผิดปกติต้องรายงานแพทย์ทราบ
3. ติดตามผล chest X-ray และรายงานแพทย์ เพื่อดูว่าหลังใส่สายมี Pneumo/Haemo thorax หรือไม่
4. เฝ้าระวังภาวะเลือดออกจากบริเวณที่ใส่สายทุก 1 ชั่วโมงจนปกติหลังจากนั้นทุก 8 ชั่วโมง
5. ส่งตรวจและติดตามค่าความเข้มของเลือด (Hct) การแข็งตัวของเลือด (PTT) ถ้าพบภาวะเลือดออกมาก
6. สังเกตและประเมินอาการทางระบบประสาท และบันทึกอาการทุก 1 - 2 ชั่วโมง
7. ระมัดระวังไม่ให้ลิ่มเลือดหรือฟองอากาศเข้าไปในสาย ระมัดระวังการหักพับงอ การเลื่อนหลุด การอุดตันของสายและข้อต่อต่าง ๆ
8. ทำแผลทุกวันหรือสกปรกด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ ตลอดจนสังเกตลักษณะอาการบวม แดง ร้อน บริเวณที่ใส่สาย รายงานให้แพทย์ทราบถ้าพบอาการผิดปกติ และดูแลเปลี่ยน 3 way extention tube ทุก 3 วัน
9. การตรวจสอบตำแหน่งสายทุกครั้งที่ให้ยา ทำแผล หรืออย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
10. ในรายที่ต้องวัดความดันหลอดเลือดดำ ต้อง Zero point ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนระดับ (Fhlebostatic axis) Calibrate เครื่องและ Balance Transducer ทุก 4 ชั่วโมงหรือทุกครั้งที่สงสัยว่าค่าที่อ่านไม่ถูกต้อง
11. ขณะวัดความดันหลอดเลือดดำ ไม่ควรใช้เวลานานเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับยาเพิ่มความดันหลายตัว หรือให้ยาขนาดสูง เพราะจะทำให้ผู้ป่วยขาดยา
12. อ่านค่าความดันของหลอดเลือดดำ และบันทึกไว้ตามแผนการรักษาตลอดจนสังเกต CVP wave from หรือการขึ้นลงของน้ำ ถ้าอ่านค่าความดันผิดปกติหรือ wave form ต่างไปจากเดิม ควรใช้ Syringe ดูดว่ามีเลือดออกมาหรือไม่ ถ้าดูดเลือดไม่ออกหรือค่าความดันผิดปกติให้รายงานแพทย์ทราบ
13. ให้สารน้ำ เลือด ผลิตภัณฑ์ของเลือดหรือยาตามแผนการรักษา
การพยาบาลขณะเอาสายออก
1. จัดผู้ป่วยให้นอนในท่าที่สุขสบาย
2. เมื่อเอาสายออกแล้วกดห้ามเลือด จนแน่ใจว่าเลือดหยุดไหล จึงปิดแผลด้วย sterile gauze ให้เรียบร้อย
3. ทำแผลทุกวันด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ จากแผลปิดสนิทดี
4. ขณะทำแผลสังเกตการติดเชื้อบริเวณบาดแผล
ภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สาย
1. มีลมหรือเลือดในช่องอก (Pneumo-Haemothorax)
2. มีฟองอากาศในเลือด (Air embolism)
3. มีลิ่มเลือด (Blood clot)
4. มีภาวะเลือดออก (Bleeding) บริเวณที่ใส่สาย
5. ภาวะติดเชื้อ (Infection) ทั้งที่บาดแผลและในกระแสเลือด
1. จับแขนผู้ป่วยหรืออาจต้องจับมัดไว้ในรายที่ไม่ให้ความร่วมมือ
2. ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สุขสบาย เจ็บ พยาบาลต้องคอยให้กำลังใจและอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยตลอดเวลา
3. จดบันทึกตำแหน่งการใส่สาย ความยาวของสายภายหลังการใส่สายเรียบร้อยแล้ว
4. สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงและบันทึกสัญญาณชีพเป็นระยะ ตลอดจนสังเกตุภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การพยาบาลผู้ป่วยหลังใส่สาย
1. จัดสภาพผู้ป่วยให้นอนพักในท่าที่สบาย
2. บันทึกสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง จนอาการคงที่และสังเกตอาการเหนื่อยหอบหายใจเร็วขึ้น กระสับกระส่าย O2 sat ลดลง แน่นหน้าอกหรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ถ้ามีอาการผิดปกติต้องรายงานแพทย์ทราบ
3. ติดตามผล chest X-ray และรายงานแพทย์ เพื่อดูว่าหลังใส่สายมี Pneumo/Haemo thorax หรือไม่
4. เฝ้าระวังภาวะเลือดออกจากบริเวณที่ใส่สายทุก 1 ชั่วโมงจนปกติหลังจากนั้นทุก 8 ชั่วโมง
5. ส่งตรวจและติดตามค่าความเข้มของเลือด (Hct) การแข็งตัวของเลือด (PTT) ถ้าพบภาวะเลือดออกมาก
6. สังเกตและประเมินอาการทางระบบประสาท และบันทึกอาการทุก 1 - 2 ชั่วโมง
7. ระมัดระวังไม่ให้ลิ่มเลือดหรือฟองอากาศเข้าไปในสาย ระมัดระวังการหักพับงอ การเลื่อนหลุด การอุดตันของสายและข้อต่อต่าง ๆ
8. ทำแผลทุกวันหรือสกปรกด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ ตลอดจนสังเกตลักษณะอาการบวม แดง ร้อน บริเวณที่ใส่สาย รายงานให้แพทย์ทราบถ้าพบอาการผิดปกติ และดูแลเปลี่ยน 3 way extention tube ทุก 3 วัน
9. การตรวจสอบตำแหน่งสายทุกครั้งที่ให้ยา ทำแผล หรืออย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง
10. ในรายที่ต้องวัดความดันหลอดเลือดดำ ต้อง Zero point ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนระดับ (Fhlebostatic axis) Calibrate เครื่องและ Balance Transducer ทุก 4 ชั่วโมงหรือทุกครั้งที่สงสัยว่าค่าที่อ่านไม่ถูกต้อง
11. ขณะวัดความดันหลอดเลือดดำ ไม่ควรใช้เวลานานเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับยาเพิ่มความดันหลายตัว หรือให้ยาขนาดสูง เพราะจะทำให้ผู้ป่วยขาดยา
12. อ่านค่าความดันของหลอดเลือดดำ และบันทึกไว้ตามแผนการรักษาตลอดจนสังเกต CVP wave from หรือการขึ้นลงของน้ำ ถ้าอ่านค่าความดันผิดปกติหรือ wave form ต่างไปจากเดิม ควรใช้ Syringe ดูดว่ามีเลือดออกมาหรือไม่ ถ้าดูดเลือดไม่ออกหรือค่าความดันผิดปกติให้รายงานแพทย์ทราบ
13. ให้สารน้ำ เลือด ผลิตภัณฑ์ของเลือดหรือยาตามแผนการรักษา
การพยาบาลขณะเอาสายออก
1. จัดผู้ป่วยให้นอนในท่าที่สุขสบาย
2. เมื่อเอาสายออกแล้วกดห้ามเลือด จนแน่ใจว่าเลือดหยุดไหล จึงปิดแผลด้วย sterile gauze ให้เรียบร้อย
3. ทำแผลทุกวันด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ จากแผลปิดสนิทดี
4. ขณะทำแผลสังเกตการติดเชื้อบริเวณบาดแผล
ภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สาย
1. มีลมหรือเลือดในช่องอก (Pneumo-Haemothorax)
2. มีฟองอากาศในเลือด (Air embolism)
3. มีลิ่มเลือด (Blood clot)
4. มีภาวะเลือดออก (Bleeding) บริเวณที่ใส่สาย
5. ภาวะติดเชื้อ (Infection) ทั้งที่บาดแผลและในกระแสเลือด
- ป้ายกำกับ: (Air embolism), (Bleeding), (Blood clot), (Infection), (Pneumo-Haemothorax)
- (0) Comments
ป้ายกำกับ:
(Air embolism),
(Bleeding),
(Blood clot),
(Infection),
(Pneumo-Haemothorax)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น